ผู้เขียน หัวข้อ: รากฟันเทียมทั้งปาก ราคา: รากฟันเทียม ฟันปลอม และสะพานฟัน ต่างกันอย่างไร  (อ่าน 217 ครั้ง)

siritidaphon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 226
  • รับจ้างโพสต์เว็บ แพ็ครวมพิเศษ
    • ดูรายละเอียด
ข้อจำกัดของการทำรากฟันเทียม

รากฟันเทียมสามารถทำได้ในผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เนื่องจากกระดูกขากรรไกรมีการเจริญเติบโตที่ค่อนข้างเต็มที่พอที่จะสามารถใส่รากฟันเทียมได้แล้ว


รากฟันเทียม มีกี่ยี่ห้อ

รากฟันเทียมในปัจจุบัน มีให้เลือกใช้หลากหลายยี่ห้อด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Straumann, Astratech, Hiossen, หรือ Dentium รากเทียมแต่ละยี่ห้อ สามารถใช้งานได้เหมือนกันค่ะ รากเทียมที่ทางคลินิกเลือกมาใช้เป็นรากเทียมที่เลือกมาแล้วว่าได้รับการยอมรับทั้งในไทยและระดับโลก

ส่วนจะใช้ยี่ห้อไหน ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคนไข้และความเหมาะสมในการใช้งาน ตรงส่วนนีจะแนะนำให้คนไข้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอเฉพาะทาง เพื่อเลือกตามความเหมาะสมจะดีที่สุดค่ะ ส่วนราคาที่ค่อนข้างแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อนั้น อยู่ที่ประวัติในการผลิตและการพัฒนาที่ยาวนานกว่าค่ะ



รากฟันเทียม ฟันปลอม และสะพานฟัน ต่างกันอย่างไร

รากฟันเทียม ถือเป็นฟันปลอมชนิดหนึ่ง โดยเป็นฟันปลอมแบบติดแน่น และนอกเหนือจากรากฟันเทียมแล้ว ยังมีวิธีการทดแทนฟันธรรมชาติด้วยการทำฟันปลอมแบบอื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็น การทำสะพานฟัน หรือการใส่ฟันปลอมแบบถอดได้นั้นเอง


ฟันปลอมชนิดถอดได้   

ฟันปลอม

ฟันปลอมแบบถอดได้ ถือเป็นชนิดฟันปลอมที่คนทั่วไปใช้มากที่สุดชนิดหนึ่ง มีทั้งแบบฐานพลาสติกและฐานโลหะให้เลือกตามความเหมาะสม ด้วยมีราคาที่ไม่สูงมาก สามารถถอดออกได้ ง่ายต่อการทำความสะอาด แต่ข้อเสียคือ ประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวจะน้อยกว่าฟันปลอมชนิดอื่นๆ และเมื่อใช้นานไปอาจเกิดปัญหาหลวมหรือหลุดในการใช้งานได้


สะพานฟัน

สะพานฟัน เป็นฟันปลอมชนิดติดแน่นอีกชนิดหนึ่ง โดยใช้วิธีการกรอฟันซี่ข้างเคียงทั้ง 2 ข้างเพื่อใช้ยึดติดกับตัวครอบฟัน เป็นฟันปลอมอีกรูปแบบที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ มีประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวอาหารสูง และมีความสวยงาม แต่มีข้อเสียคือต้องแลกมากับฟันซี่ข้างเคียงที่ต้องเสียไป เนื่องจากต้องกรอฟันทั้ง 2 ข้างนั้นให้เล็กลงเพื่อรองรับตัวครอบฟัน และยังต้องรักษาความสะอาดของฟันเป็นพิเศษ เนื่องจากไม่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ หากทำความสะอาดไม่ทั่วถึง อาจเกิดฟันผุใต้ครอบฟัน จนอาจลุกลามทำให้ต้องถอนฟันได้ในที่สุด


การเตรียมตัวก่อนทำรากฟันเทียม

    เข้ารับการปรึกษากับทันตแพทย์เฉพาะทาง เพื่อตรวจประเมินและวางแผนการรักษา ตรวจดูกระดูกรองรับรากฟันเทียม หากมีโรคประจำตัวหรือทานยาประจำ แนะนำให้แจ้งทันตแพทย์เพื่อใช้ประกอบในการวางแผน
    ทันตแพทย์ประเมินค่าใช้จ่าย แจ้งขั้นตอนการรักษา
    วันทำการฝังรากเทียม แนะนำให้รับประทานอาหารให้เรียบร้อยก่อนการรักษา และไม่ควรทานจนอิ่มเกินไป
    หลังจากฝังรากฟันเทียมเสร็จจะต้องงดทานอาหารประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อรอให้เลือดหยุดไหลก่อน


ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม

    ตรวจวินิจฉัย และวางแผนการรักษา โดยแพทย์เฉพาะทาง : ทันตแพทย์จะตรวจสอบประวัติ ตรวจภายในช่องปาก เอกซเรย์ฟันเพื่อประกอบในการวางแผนการรักษา หลังจากนั้นทันตแพทย์จะอธิบายรายละเอียดของการรักษาให้คนไข้ทราบ เพื่อให้คนไข้ใช้ในการตัดสินใจ
    ปลูกรากฟันเทียม และรอประมาณ 2-3 เดือน เพื่อให้กระดูกยึดติดกับรากฟัน : เมื่อฝังรากฟันเทียมเป็นระยะเวลา 8-24 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายสร้างกระดูกเพื่อมายึดกับรากฟันเทียม และเมื่อเหงือกแข็งแรงดีแล้ว ทันตแพทย์จะนัดเพื่อเริ่มใส่ตัวครอบฟันในลำดับถัดไป
    เตรียมสำหรับการใส่ครอบฟัน : ทันตแพทย์จะนัดเข้ามาพิมพ์ปากเพื่อสร้างตัวครอบฟัน ที่พอเหมาะ และสวยงามให้แก่คนไข้
    ทำครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอมแบบถอดได้ : เมื่อทำตัวครอบฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะนัดกลับมาอีกครั้งเพื่อใส่ตัวครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอมแบบถอดได้ ให้แก่คนไข้ และจะนัดกลับมาตรวจเป็นระยะๆตามความเหมาะสม


ระยะเวลาในการทำ

รากฟันเทียม จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ฝังรากฟันเทียม จนถึงวันที่ใส่ครอบฟัน แต่ในกรณีที่มีความยาก สลับซับซ้อน เช่นมีการเสริมกระดูกร่วมด้วย อาจจะต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานขึ้นตามความเหมาะสม


อาการข้างเคียงที่เกิดจากการทำรากฟันเทียม

    ในช่วงแรกจะมีอาการปวด บวมบริเวณเหงือกและใบหน้า
    ในบางรายอาจมีอาการฟกช้ำบริเวณผิวหนังและเหงือก
    อาจมีเลือดออกเล็กน้อยบริเวณแผลที่ทำการฝังรากเทียม
    หลังจากได้รับการฝังรากฟันเทียมแล้ว คนไข้ผู้จะได้รับยาปฎิชีวนะและยาระงับปวด
    หากมีอาการปวด บวม ติดต่อกันนานหลายวัน แนะนำให้ติดต่อกลับมาทางคลินิกเพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจสอบให้ค่ะ




รากฟันเทียมทั้งปาก ราคา: รากฟันเทียม ฟันปลอม และสะพานฟัน ต่างกันอย่างไร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://bit.ly/3P3AQ21